"จตุพร" ผนึกกำลังภาครัฐ-เอกชน ปราบปรามสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาทำลายของกลางฯ 1.5 ล้านชิ้น มูลค่า 900 ล้านบาท เสริมความเชื่อมั่นให้กับประเทศคู่ค้าและนักลงทุน คุ้มครองผู้บริโภค

MOC News

ข่าวสารกระทรวงพาณิชย์

เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา

คุณชญาภัช แสงทับทิม กรรมการผู้จัดการ Phonorights ได้เข้าร่วมเป็นตัวแทนเข้าร่วมชม

การทำลายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญาเป็นไปตาม กฎหมาย เพื่อป้องกันไม่ให้สินค้ากลับสู่ท้องตลาดและสร้างความเสียหายต่อผู้บริโภคและเศรษฐกิจ

เพื่อตอกย้ำความสำคัญของการปกป้องสิทธิทางปัญญา เพื่อประโยชน์ของผู้บริโภคและการพัฒนาเศรษฐกิจไทยอย่างมั่นคง

"จตุพร" ผนึกกำลังภาครัฐ-เอกชน ปราบปรามสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาทำลายของกลางฯ 1.5 ล้านชิ้น มูลค่า 900 ล้านบาท

เสริมความเชื่อมั่นให้กับประเทศคู่ค้าและนักลงทุน คุ้มครองผู้บริโภค

วันที่ 5 กันยายน 2568 นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลัง

เป็นประธานในพิธีทำลายของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ณ หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบก เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ โดยมีนายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และนางสาวนุสรากาญจนกูล อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา และหน่วยงานพันธมิตรภาครัฐ เอกชน เจ้าของสิทธิหน่วยงานต่างประเทศ ทำลายของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญากว่า 1.5 ล้านชิน มูลค่าความเสียหายกว่า 900 ล้านบาท เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ประเทศคู่ค้าและนักลงทุน ร่วมมือเครือข่ายพันธมิตร ด้านการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเข้มแข็ง ปกป้องผู้บริโภคจากผลกระทบของ สินค้าละเมิดๆ ที่ด้อยคุณภาพ

นายจตุพร กล่าวว่า "รัฐบาลให้ความสำคัญกับการปกป้องคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา

โดยมีการบูรณาการการทำงานร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเจ้าของสิทธิ เดินหน้าปราบปรามการละเมิดอย่างจริงจัง ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งพิธีทำลายของกลางๆ ถือเป็นอีกกลไกสำคัญของการแก้ไขปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่จะต้องดำเนินการอย่างโปร่งใสภายใต้พันธกรณีในกรอบองค์การการค้าโลก (WTO) และมีมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยของกลางในคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญานั้นจะต้องนำมาทำลายด้วยวิธีที่เหมาะสม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศผู้ค้า นักลงทุน และเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาว่าสินค้าละเมิดๆ จะไม่ถูกนำกลับมาหมุนเวียนในท้องตลาดได้อีก นอกจากนี้ ยังสร้างความตระหนักรู้ให้สาธารณชนได้เห็นถึงผลกระทบที่เกิดจากการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา รวมถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นต่อสุขภาพร่างกายของผู้บริโภคอันเนื่องมาจากการใช้สินค้าปลอมที่ไม่มีคุณภาพและไม่ได้มาตรฐาน จากรายงานผลการจัดสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทาง ปัญญาตามกฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา 301 พิเศษ ประจำปี 2568 ไทยยังคงสถานะอยู่ในบัญชีประเทศที่ต้องจับตามอง (Watch List: WL) รัฐบาลจึงพร้อมดำเนินการปราบปรามสินค้าละเมิดๆ อย่างเข้มข้นต่อไปโดยมุ่งหมายให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากบัญชีดังกล่าว

นายจตุพร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีนี้ของกลางที่นำมาทำลายทั้งที่กรุงเทพฯ จังหวัดสระบุรี

และจังหวัดชลบุรี มีหลายประเภท เช่น เครื่องแต่งกาย นาฬิกา กระเป๋า อุปกรณ์อิเล็กส์ทรอนิก อะไหล่รถยนต์รวมทั้งสินค้าจำพวก ยา เครื่องสำอาง อาหารและเครื่องดื่ม โดยสินค้าทั้งหมดเป็นของกลางจากการจับกุมและตรวจยึดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมศูลกากร และกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่คดีถึงที่สุดแล้ว รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,528,524 ชิ้น คิดเป็นมูลค่าความเสียหายมากกว่า 900 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี นอกเหนือจากหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนเจ้าของสิทธิแล้ว ประชาชนเป็นส่วน

สำคัญที่สุดในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา โดยการหลีกเลี่ยงและไม่สนับสนุนการละเมิดๆ "ไม่ซื้อ ไม่ขาย ไม่ใช้ของปลอม" นอกจากนี้ หากท่านใดพบเห็นว่ามีการกระทำที่เข้าข่ายละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา สามารถแจ้งเบาะแสมาที่กองป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา กรมทรัพย์สินทางปัญญา โทร. 02-547-4702 หรือสายด่วน 1368